วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2565

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

เรื่อง เรื่อง(ของ)พิชิต บทความพรุ่งนี้ผม(อาจ)จะตาย


เรื่อง เรื่อง(ของ)พิชิต

ดัดแปลงจากบทความของน้าเน็ก

ตอน-พรุ่งนี้ผม(อาจ)จะตาย
-------------------------(*_*)---------------------------


                สวัสดีครับ ผมชื่อพิชิต สุดศิริ ชื่อเล่นอาร์หรืออ๋า นะครับ ผู้ที่ครั่งใคร่เรื่องราวที่เกี่ยวกับเรื่องของความตายเพื่อนของผมหลายๆคนที่รู้จักผมมาไม่นาน เขาอาจจะมองว่าผมบ้า มองว่าผมติงต๊อง แต่ผมก็เป็นอย่างที่เขาว่าแหละครับ มันคงจะไม่ผิดหรอกน่ะที่ผมเป็นตัวของตัวเองไม่ตามใครหรอกในแต่ละวันก็อยู่แต่ในโลกส่วนตัวของผมแหละไม่ค่อยออกไปยุ่งเกี่ยวกับใครหรอกครับ เอ่อ! มีเพื่อนๆขอผมถามผมว่าทำไมผมเขียนเรื่องนี้มาเพื่ออะไร..? ผมตอบอย่างมั่นใจเลยว่า....เพื่อพวกคุณนั่นแหละ ผมว่าเรื่องที่ผมเขียนเรื่องนี้บางคนอ่านอาจจะเป็นการให้กำลังใจ แก่ผู้ที่กำลังท้อ แก่ผู้ที่กำลังมีปัญหาอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขานะครับ ผมว่าถ้าคุณๆอ่านเรื่องนี้แล้ว แล้วอยากให้เก็บเอาไปคิดแล้วมันก็จะเกิดประโยชน์กับตัวของพวกคุณเองที่อ่านเรื่องนี้
             ผมมีความเชื่ออยู่อน่างหนึ่งนะว่า คนเราทุกๆคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้มักจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ คนละ 60 ปี นะ แต่คนที่เกิน 60 ปี ก็มีอยู่นะครับบางคนก็ถึง 90 ปี บางคนก็ถึง 100 ปีก็มีอยู่ให้เห็นเรื่อยๆแหละนะครับผมคิดว่าใน 1 ปี ของเราก็มีเท่ากันหมดทุกๆคน ก็คือ 365 วัน แต่ถ้าเอามาคิดปลีกย่อยออกไปอีกก็แสดงว่าคนเราคนหนึ่งเกิดมาอยู่บนโลกนี้เพียง 21,900 วันเท่านั้นเองหรอ...? แต่! ถ้าผมจะคิดปลีกย่อยออกไปเป็นนาที เอ่อ!ก็ประมาณ 525,600 นาที ถ้างั้นผมก็จะลองคิดไปเป็นสัปดาห์ ก็ประมาณ 3,120 สัปดาห์นั่นเองครับ สำหรับเวลาที่เขาให้เรามานั้น บางคนอาจจะว่ามาก บางคนอาจจะว่าน้อย บางคนก็อยู่ถึง บางคนก็อยู่ไม่ถึง แล้วคุณละจะอยู่ถึงตามเวลาที่เขากำหนดให้เรามาหรือเปล่า คนเราทุกๆคนรู้วันเกิดของตัวเอง แต่จะมีสักกี่คนล่ะ...! ที่รู้วันตายของตัวเอง ที่ผมคิดแบบนี้มันก็ไม่ต่างจากที่เรานับวันตายถอยหลังของเราหรอกนะครับ เพราะผมเชื่อว่าคนเราเกิดมายังไงก็ต้องตาย ผมขอโทษนะครับบางทีเรื่องที่ผมเขียนมันอาจจะไม่ขำนะ... แสดงว่าตลอดเวลาที่เราอยู่บนโลกใบนี้มันอาจจะน้อยมากถ้าผมจะเอาไปคิดในเชิงของตัวเลขนะ ผมเชื่อว่ายังมีหนังสืออีกหลายๆๆๆๆเล่มที่เรายังไม่ได้อ่านมัน และยังมีเพลงอีกหลายๆเพลงที่เรายังไม่ได้ฟังนะ ยังมีหนังอีกหลายๆเรื่องที่เราอาจจะยังไม่เคยได้ดู บางคนอาจจะยังไม่ได้ไปในที่ที่คุณอยากจะไป หรืออาจจะเป็นความรู้สึกดีๆของเรา ที่เราเก็บไว้ในใจของเราโดยที่เรายังไม่ได้ที่จะบอกใคร...คุณคิดหรอว่าจะเก็บมันไว้อย่างนี้หรอผมบอกตามตรงนะครับ เวลาที่เรารักใครสักคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะรักเราหรือไม่รักเราก็ช่างนะครับ แค่ผมอยากให้คุณบอกให้เขารู้ไปเลยว่า “ผมรักคุณ” อย่าเป็นเหมือนผมเลยนะครับ
              ที่ได้แต่เก็บความรู้สึกอย่างนี้มาเกือบ 5 ปี โดยที่ผมคิดว่าเขาไม่รักผม บางที่เขาก็ดูเหมือนมีใจให้กับผมแต่บางวันเขาก็เหมือนเป็นคนละคน สิ่งเหล่านี้ก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตใครทุกๆคนที่ต้องมีความรัก หรือไม่ก็อาจจะแอบปลื้มใครสักคนหนึ่งโดยที่ไม่กล้าบอกเขา.... ผมอยากถามพวกคุณว่า มันคุ้มค่าหรือยังกับการที่คุณเกิดมาและใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ คุณละทำอะไรที่เกิดประโยชน์หรือยัง ผมว่าคนหลายๆทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ให้กับสังคมแล้วแต่มีบางคนที่ยังไม่ได้ทำ สำหรับเวลาที่เหลืออยู้อาจจะอีกไม่นานนะ แต่ผมอยากให้คนที่อ่านทุกๆคนให้คิดเสียว่า พรุ่งนีเรา(อาจ)จะตาย เพื่อที่เราจะได้ทำวันสุดท้ายของชีวิตให้มันคุ้มที่สุดและเป็นวันสุดท้ายที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตคุณเพราะว่าพรุ่งนี้คุณ(อาจ)จะตาย ถ้าคุณไม่ตายก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าคุณจะตายสมใจไง นี่ผมไม่ได้เขียนปรัชญางี่เง่าอะไรหรอกน่ะ แต่นี่คือเรื่องจริงที่พวกคุณไม่เคยคิดเห็นมันไง แล้วคุณจะทำยังไงกับมันดีล่ะ แต่ผมว่าน่าแปลกน่ะที่คนเราหลายๆคนต้องยอมทนทำงานน่าเบื่อๆๆนั่งเอาหัวตากแอร์ไปวันๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่แม่ จิกหัวใช้ไปวันๆที่เขายอมทำอย่างนี้ก็เพื่ออย่างเดียวคือ “เงินเดือนไง” หรือไม่บางคนก็ทนเรียนตั้ง 2 ปี (ปวส.)หรือไม่ก็ 4 ปี (ป.ตรี)ทั้งๆที่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่า แม่ชอบ ไม่งั้นก็อาจจะเห้นว่าเพื่อนเรียน ก็เลยเรียนตามเพื่อนไม่รู้ว่ามันชอบหรือเปล่าน่ะ เพียงแค่เราตอบตัวเองไม่ได้ว่า “ชีวิตนี้กูจะเป็นอะไรดี” บางคนอาจจะรักเขาอยู่อย่างนั้นแหละนะ แบบว่ารักเขาข้างเดียว(ผมก็เป็นแหละเป็นมากด้วย)ผมว่าอยู่ปล่อยให้ความรู้สึกของเราลอยไปหาคนอื่นอีกเลย แต่ดันปล่อยให้ความรู้สึกตัวเอง ต่ำต้อย ได้ทุกๆวัน บางคนก็อาจจะกินอาหาร หรือไม่ก็เก๊กใส่กันไปวันๆอย่างงั้นแหละต่างฝ่าย ต่างรอให้อีกฝ่ายหนึ่งง้อ มึงแน่ กูแน่ อย่างนี้ผมตั้งฉายาให้นะครับว่า “มึงจะงอนการกุศลหรือยังไง”
                  แข่งกันประชด ทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ.......โถไอ้บ้าและในอีกหลายๆคนมักจะนิยมกิจกรรมที่ฆ่าเวลา แบบว่าชีวิตมันน่าจะว่างจัดนะครับถึงต้องฆ่าเวลากันเลย ผมไม่เข้าใจนะครับว่าทำไม ฆ่าอย่างอื่นยังไม่บาปเท่ากับเราฆ่าเวลานะ คุณอาจจะยังไม่รู้ ฆ่าเวลาคืออะไร มันคือการฆ่าตัวตายไง ไอ้พวกนี้มัน สิ้นคิด เจอแค่อุปสรรคอย่างเดียว ไม่มีทาง(ตัน)คิดอะไรไม่ออก ก็ไปเขียนจดหมายน้อยบอกลา พ่อแม่ เพื่อน ญาติพี่น้อง “ขอโทษด้วยครับที่ชาตินี้คงไม่มีผมอีกแล้วขอบคุณทุกๆสิ่งทุกกๆอย่าง ผมลาก่อน” ตายแล้ว คุณนะหมดทุกข์แล้ว แต่ตอนนี้ครอบครัวของคุณกำลังเป็นทุกข์ไง ผมอยากให้คุณคิดเสียว่า พรุ้งนี้ฉันจะตาย หันมาคิดแบบนี้บ้างน่ะ ไม่ใช่ว่า อกหัก เขาไม่รัก อย่างงั้นกูตายดีกว่า เพื่อนๆครับ การฆ่าตัวตายมันบาปนะครับ แบบว่าบาปยิ่งกว่าเราฆ่าสัตว์นะ อีกหน่อยเดี๋ยวเราก้ตายจากกันแล้ว หันมาคิดแบบนี้บ้าง เออ...! ใช่แล้ว เดี๋ยวเราจะเกิดความเสียดายภายหลัง เพราะยังมีอีก หมื่อ แสน ล้าน ที่เรายังไม่ได้ทำ และยังไม่ได้ไป เฮ้ยเราจะตายได้ยังไง ในเมื่อความฝันของเรายังไม่เป็นจริง เฮ๊ย! นี่ผมไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตายน่ะ แต่ที่ผมบอกให้คุณรีบทำทุกๆอย่างๆก่อนที่มันจะสาย เราอาจจะไม่รู้ว่าวันไหนเราจะตาย หรือไม่ก็ พรุ่งนี้เราจะตาย(มั้ง) และในเมื่อเราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะตาย ผมอยากให้ทุกๆคนมาเตรียมตัวตายกันดีกว่านะครับ เพื่อรอวาระสุดท้ายของเรานะ แบบว่าจะตายวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ เราจะได้นอนตายตาหลับไง โดยคิดเสียว่า พรุ่งนี้ฉันจะตาย จงย้อนกลับมาทำในสิ่งที่เรารักให้คิดเสีย เราจะไม่ได้ทำมันอีก จงเดินตามหาความฝันของให้เจอ เฮ๊ย! เราต้องรีบแล้วน่ะ เดี๋ยวตานก่อนไม่ได้ทำน่ะไม่ใช่ว่าผมไม่เตือนน่ะ นี่ผมได้เตือนแล้วน่ะเวลาที่เรารักใคร ก็บอกเขาไปให้หมดไอ้ความรรู้สึกที่มีน่ะ ส่วนเขาจะรักหรือไม่รักเราไม่สน แค่พรุ้งพรุ่งนี้ฉัน(อาจ)จะตาย หันมาใช้เวลาที่อาจจะเป็นเวลาสุดท้ายของเราที่มีต่อกันไว้น่ะ เวลาที่คุณกอดใคร ก้ให้กอดคิดเสียว่าเป็นการกอดครั้งสุดท้ายต่อไปนี้ผมจะไม่ได้กอดคุณอีกน่ะ เพื่อที่คุณจะได้ซึมซาบความรู้สึกจากอ้อมกอดอย่างเต็มที่และสบายใจไงเวลาที่เราตายไปแล้วคุณรู้ใหมว่าที่แรกที่เราจะไปคือที่ไหน...? คือที่ปรโลกไงที่นี่ใครที่ตายต้องมาเป็นที่แรก ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็ต้องมา สิ่งที่มากับคุณคือ ความดี และ ความชั่ว ที่มันจะติดตัวของคุณไปตลอดทุกๆๆๆๆๆชาติที่คุณเกิดไงครับ เอ่อลืมบอกนะครับ เวลาที่คุณตายไปแล้ว ผมอยากให้คุณมีหน้าที่ยิ้มแย้มไปนะครับเพื่อที่จะได้ตอบกับท่านยมบาลอย่างภาคภูมิใจไงครับ........เดี๋ยวเราก็ตายจากกันเชื่อเถอะคร๊าบบบบบบบ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ(ความคิดส่วนตัวเน้อ)

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความคิดถึง..ที่ไม่มีที่ไป แต่ใจเธอนั่นแหละที่เก็บมัน


                    ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าชอบที่จะคิดถึงเธอในค่ำคืน ที่ว่างเปล่าและไม่มีใครที่อยู่ข้างกายของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าคิดว่าความคิดถึงของข้าพเจ้าอาจจะทำให้มีเธออยู่ข้างๆข้าพเจ้าแม้ว่าเราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ข้าพเจ้าว่าเราก็สามารถสัมผัสมันได้ด้วยหัวใจ เพราะอย่างนี้แหลละถึงทำให้ข้าพเจ้าได้มีเธอเสมอ... ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่สนุกนัก แต่มันก็เป็นความสุขของข้าพเจ้า ถึงแม้ว่าใครหลายๆคนอาจจะมองว่าข้าพเจ้าเป็นคนยังไง ข้าพเจ้าก็ไม่เคยสนใจหรือว่าใส่ใจกับเรื่องที่ปากคนอื่นๆมันพูดหรอกน่ะ คงเป็นเพราะว่า..... ข้าพเจ้ามักจะแอบมองเธอ ในเวลาที่เธอทำอะไรก็ตาม ข้าพเจ้าว่าเธอน่ารักดีน่ะ ข้าพเจ้าก็เลยแอบรักเธอดีกว่า ดีกว่าให้เราสองคนรักกัน ชอบหลงรักเธอ ก็เพราะว่าเวลาที่ข้าพเจ้าเห็นเธอมีความสุขข้าพเจ้าก็มีความสุขไปพร้อมกับเธอด้วยแหละ ส่วนเวลาที่ข้าพเจ้าเห็นเธอร้องให้ข้าพเจ้าก็เสียใจไปพร้อมกับเธอ ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเหตุผลสิ่งนั้นมันคืออะไร ที่ทำให้เธอเสียใจ ก็เพราะว่าเราสองคนมีดวงใจหนึ่งดวงที่พร้อมจะไปด้วยกันไง ถึงแม้ว่าวันเวลาของข้าพเจ้าจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าไร ข้าพเจ้าก็ยังคงรู้สึกว่าข้าพเจ้ายังรักเธอ ยังคิดถึงเธอ แล้วเธอล่ะเป็นห่่วงความคิดถึงของข้าพเจ้าหรือเปล่า ที่ข้าพเจ้าเป็นอย่างนี้ก็เพราะเธอ เพราะว่าเธอคนเดียว ข้าพเจ้าก็เป็นห่วงความคิดถึงของข้าพเจ้าเช่นกันเพราะว่าความคิดถึงของข้าพเจ้าก็คงจะไม่มีที่ไป นอกเสียจากว่าเธอยอมเปิดรับเอาความคิดถึงของข้าพเจ้าไปเก็บไว้ในใจของเธอไง....... แล้วเธอล่ะยังคิดถึงข้าพเจ้าอยู่หรือเปล่า ถ้าถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังรักเธอ ยังคิดถึงเธอเสมอทุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆวัน ถึงแม้ว่าอาจจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้วก็ตามนะ เรารักเธอเสมอจ๊ะ.......อ้อม สุดที่รัก ของหมาอาร์คนบ้าคนนี้ไง นี่ก็ 3 ปีแล้วน่ะ ที่ข้าพเจ้ายังตัดใจจากเธอไม่ได้สักที เพราะว่าข้าพเจ้ายังรักเธออยู่หรือเปล่าล่ะ.... แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ......ว่างๆเดี๋ยวข้าพเจ้าเอามาโพสใหม่นะครับ...... สวัสดีครับผม รักน่ะจ๊ะ......แฟนเก่า

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บทความการเมืองไทย ของ "พิชิต สุดศิริ" รักเธอ ประเทศไทย

การเมื่องไทย กับ การเปลี่ยนแปลง ครั้งสำคัญของประเทศไทย
              สวัสดีครับบผม มันไกล้เข้ามาอีกแล้วครับ สำหรับเรื่่องที่่่น่าเบื่อสำหรับประชาชนชาวไทยอย่างเรานะครับ มันก็คือ.......การเลือกตั้งไงครับ แล้วพวกคุณล่ะ คิดไว้หรือยังว่าจะเลือกพรรคไหนล่ะ หรือว่ารอเอาตังค์ก่อนล่ะ....? 5555 สำหรับเรื่องการแจกเงินของนักการเมืองนะครับ มันมีเป็นประจำแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นพรคใหนๆ ก็มีหมดแหละครับ ผมอยากจะถามพวกนักการเมืองว่า.... "พวกคุณเห็นประชาชนเป็นอะไร..? ถึงต้องเอาตังค์มาจ้างให้กาเบอร์ของคุณด้วยล่ะ...?" เพียงแค่คุณอยากเป็นเพื่อบริหารประเทศ หรือว่าเพื่อส่วนตัวของพวกคุณ...?
                     "นักการเมือง โกงกินบ้านเมือง คุณคิดว่าประชาชนไม่รู้เรื่องหรอ"
                   สำหรับความคิดของผมน่ะ อันนี้ไม่ได้ว่่าใครหรอกนะครับ เวลาที่พวกคุณอภิปรายแต่ละที มีแต่ทะเลาะกัน ในเรื่องที่ไร้สาระ นับว่าเป็นบุญของพวกคนอย่างเราที่มีความรู้สึกเอือมระอาในสิ่งที่นักการเมืองพูด ในสิ่งที่นักการเมืองทำ ที่จะไม่ได้เห็นการแสดงพฤติกรรมแบบโง่เขลา เบาปัญญาในสภาผู้แทนราษฎร ของผู้คนเหล่านี้ที่หลงตัวเองว่า เป็นผู้ทรงเกียรติถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ยังดี ไอ้เรื่องส่วนรวมดันไม่ค่อยเอาใจใส แต่เอาใจใส่แต่เรื่องของตัวเอง กับเรื่องของหัวหน้าตัวเองนั่นแหละ... สำหรับหลังการเลือกตั้งนะครับ ที่ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่แล้วพวกคุณคิดว่า ประเทศไทยจะดีขึ้นหรอ..? สำหรับการตัดสินใจเลือกนักการเมืองสักคน หรือสักพรรคนั้น ขึ้นอยู่กับตัวของเราเองนั่นแหละครับ คุณเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครดี ใครเลว สังเกตุดูง่ายๆนะครับ สำหรับการหาเสียงก็จะมีใครสักคนสองคน ในหมู่บ้านเราเป็นหัวคะแนนให้กับพรรคการเมือง เพื่อที่จะได้แจกตังค์ไงครับ สำหรับพรรคใหนที่แจกตังค์นะครับ เราเอาได้นะแต่อย่ากาให้เขานะครับ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคลของเรานะครับ เราอย่าให้ไอ้พวกนักการเมืองมาบังคับใจเราน่ะ เพราะว่าเวลาที่เราบังคับนักการเมือง เขาก็มักจะไม่อยากทำตามเราเลยนะครับ พูดเรื่องการเมืองขึ้นมาทีไร ปวดหมองครับ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ไอ้เรื่องการชุมนุมครับผม พวกคุณคิดว่า ประชาชนอยากให้มีการชุมนุมหรอ...? ผมบอกตรงๆนะครับว่า ประชาชนเขาเบื่อการเมืองก็เพราะไอ้เรื่องชุมนุมนี่แหละครับ ชุมนุมเรื่องผลประโยชน์ของประชาชนไม่เคยว่าหรอกครับ...? แต่เนี่ย! มีแต่เรื่องของนักการเมืองทั้งนั้นเลยนะครับ สำหรับคนเสียผลประโยชน์นะครับ เอะอะอะไรก็ชุมนุม เอะอะอะไรก็ชุมนุุม สำหรับการชุมนุมแต่ละทีหรือแต่ละครั้งส่วนน้อยนะครับที่มาด้วยใจจริงๆ ส่วนที่เหลือก็ถูกเกณฑ์ จากคนที่รู้จักหรือจากนักการเมืองท้องถิ่นั่นแหละครับ บอกว่าจะให้สิ่งตอบแทน ประชาชนก็มาเข้าร่วมชุมนุม เพียงเท่านี้แหละครับ(อันนี้ผมไม่ได้ว่าใครหรอกนะครับ เปรียบเทียบให้ฟังนะครับ).....!!! ผมว่าเมื่อบ้านเมืองจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง คือประชาชนที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเพื่อออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ผมว่าประชาชนคนไทยทุกคนที่จะต้องไปทำหน้าที่ในคูหาเลือกตั้ง ตามความคิดของเราเอง ตามความเชื่อของเราเอง และเจตนารมย์ของแต่ละคนและนักการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกนะครับ ผมว่าบรรยากาศทางการเมืองหลังจากนี้ เป็นต้นไป จะมีความระทึกใจ หรือไม่ อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับบรรดานักวางแผนทุกคน และผู้ที่มีอิทธิพลทางการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับชาติว่าจะใช้กลยุทธ์อย่างไรมาห่ำหั่นกัน เพื่อชัยชนะเพราะทุกฝ่ายต่างก็ตั้งเป้าหมายว่า “แพ้ไม่ได้” ยังไงก็แพ้ไม่ได้...! เพราะฉะนั้น พวกเราอาจจะมีสิทธิได้เห็น เหตุการณ์เลือดตกยางออกกันบ้าง สำหรับไอ้พวกทำอย่างนี้นะครับแบบว่า "ไม่มีหัวคิดครับ" คิดแต่จะเอาชนะอย่่างเดียว...! โดยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะเป็นอย่างไร ว่่าคู่แข่งจะเป็นอย่าง ไอ้พวกนี้คือคนที่ ไม่ยอมรับความจริิง นะครับ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่ภาคอีสาน (บ้านผมเองครับ) แข่งกันอย่างมากเลยแหละครับ สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองใดจะชนะการเลือกตั้ง พรรคการเมืองใดจะรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อที่จะจัดตั้งรัฐบาล การจัดตั้งรัฐบาลมีเป้าหมายเพื่ออะไร(เพื่อส่วนตัว หรือว่า เพื่อส่วนรวมล่ะ) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะบริหารงานแบบสร้างปัญหา หรือแก้ปัญหา(ให้ประชาชน หรือ ให้พักพวกของตนเองล่ะ) จึงเป็นโจทย์ที่พวกเขาจะตั้งกันเอง ถ้าตั้งโจทย์ยากเกินไป การบริหารบ้านเมืองก็คงไม่ราบรื่น ดังนั้นบรรดา ส.ส. และครม. ใหม่ ควรที่จะฉลาดพอว่า “ควรจะทำและไม่ควรจะทำอะไร” ก็ลองไปตรึกตรองดูนะครับ แต่ถ้าหากคนพวกนี้ไม่ละอายแก่ใจตัวเองที่จะให้ผู้คนจดจำแต่ความชั่วของตนเอง หรือความดีของตนเองกันแน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราก็คงได้แต่ทำใจกันนะครับแต่จะไม่ยอมจำนนให้แก่คนสายพันธ์นี้อย่างแน่นอน (ไอ้พวกโกงกินบ้านเมือง มันเจริญไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวพวกมันก็ล่มสลายไปเองแหละ อันนี้ประะชาชนทั่วไไปไม่รู้หรอกนะครับ คนที่รู้คือนักการเมืองนั่นแหละครับ ส่วนใครดีก็ดีไปครับ ส่วนใครที่เลวก็รอพบจุดจบของตนเองอีกไม่นานหรอกนะครับผม)

             ผมว่าเรามาจับมือกัน...แล้วบริหารประเทศไปด้วยกันดีว่าจะไปทะเลาะกันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนะครับ(ไร้สาระครับ) อ่านแล้วอย่าคิดมากนะครับ.....????? อย่าซีเรีียสด้วยนะ
             รักเธอประเทศไทย หวังว่าเธอคงจะได้คนที่ดีๆเข้ามาบริหารประเทศนะครับ
                                                                    Long Live The King

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ให้กำลังใจคนที่กำลังหมดหวัง


              เพียงแค่ คำบางคำที่คุณเอ่ย...ผมว่าอาจมีผลที่ทำให้คนที่คุณคุยด้วย กำลังสนทนาอยู่ด้วย รักหรือเกลียดคุณเลยก็ได้ พวกคุณเคยสังเกตุอะไรบ้างหรือเปล่า...? ว่าในบางครั้ง คนที่คุณคุ้นเคยสนิทชิดเชื้อกันมานานแต่ในตอนนี้ เค้ากำลังทำท่าทางเหมือนกับไม่อยากจะพบคุณเอาซะเลย หลบได้เป็นหลบ หลีกได้เป็นหลีกบางทีอาจเป็นเพราะ เจ้าคำ...บางคำ ที่คุณเอ่ยออกไปโดยที่มิได้ฉุกคิดนี่ละ คือเจ้าตัวสาเหตุของปัญหา....ยกตัวอย่างง่ายๆ สมุมติว่าวันนี้เพื่อนคุณสวมเสื้อตัวใหม่มาทำงาน แต่เผอิญว่าเจ้าเสื้อตัวใหม่ของเพื่อนคุณนะ มันช่างไม่เหมาะสมกับเพื่อนคุณเอาซ่ะเลย คือดูยังไงก็น่าเกลียด คุณก็แสนดีเป็นคนตรงไปตรงมา คิดยังไงก็พูดออกไปอย่างนั้น (อย่างงี้เค้าเรียกว่าคนตรง)โดยที่คุณไม่ทันยั้งคิดเลยว่า...? เพื่อนคุณจะรู้สึกอย่างไร คุณก็พูดกับเค้าไปตรงๆ แทนที่จะอ้อมๆ รักษาน้ำใจก็ดั้นไปพูดกับเพื่อนของคุณตรงๆ จนทำให้วันต่อมาเพื่อนคุณหายไปจากวงจรชีวิตของคุณไปซ่ะดื้อๆ ในบางครั้งคนเราก็ไม่สามารถที่จะพูดความจริงได้ทั้งหมดหรอกนะ และการที่เราไม่พูดความจริง ออกมาทั้งหมดนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนโกหก แต่มันกลับเป็นการรักษาน้ำใจอีกอย่างหนึ่งของเพื่อนร่วมงาน และบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดคุณ คุณลองคิดดูซิว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งหมอเกิดพูดความจริงกับคนไข้ ที่มีอาการสาหัส จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ว่า "คุณคงไม่รอดแล้วละ " กับ แทนที่จะพูดว่า "คุณไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้วละ....!" (จะเป็นบ้านเก่า หรือบ้านใหม่ค่อยว่ากันอีกที) บางครั้งคำพูดที่หมอบอกกับคนไข้นั้น...... มันสามารถทำให้คนไข้เสียชีวิตหรืออยู่รอดในวินาทีนั้นเลยก็ได้ ดังนั้นก่อนที่คุณจะเอ่ยคำใดออกไป ควรที่จะหยุด......! คิดสักนิดนึง เพราะคนเราทุกคนอยู่ได้ด้วยกำลังใจ คุณก็คงจะเป็นคนหนึ่ง ที่ต้องการกำลังใจจากคนรอบข้างเช่นกัน....?.เมื่อใดที่คุณต้องการกำลังใจจากผู้อื่น คุณควรเป็นผู้ให้กำลังใจแก่ผู้อื่นเสียแต่วันนี้ และคุณก็ควรจะให้กำลังแก่ตัวเองด้วยนะ 
                  คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมวัยรุ่นไทยสมัยนี้ คิดฆ่าตัวตาย ก็เพราะว่าพวกเขาขาดคนให้กำลังใจไง ไม่มีคนที่คอยให้คำปรึกษา (แต่คนพวกนี้เขาคิดมองข้ามคนที่อยู่รอบข้างของเขาไง ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน พ่อแม่ ครูอาจารย์และคนอื่นๆที่คุณรู้จัก) ผมว่าเราเอาเวลาที่เราเครียดมาสร้างความสุขให้กับตัวของเราดีกว่า ดีกว่าจะไปนั่งคิดจมปลักกับเรื่องเดิมๆที่มันเคยผ่านเข้ามาในชีวิตของเราน่ะ หากคุณท้อเรื่องใด ยังไม่มีใครให้กำลังใจ ปรึกษาผมได้โดยเพียงแค่คุณส่งเข้ามาที่ Mail ของผม ผมก็จะตอบกลับทุกฉบับที่คุณถามมา ส่งมาได้ที่นี่ (Rmaxinglove@hotmail.com)  อย่าเดินหนีออกจากปัญหา จงเดินหน้าเข้าไปหามัน แล้วปัญหาก็จะยอมแพ้ให้กับตัวของเราเอง มันยังไม่สายหรอก..! ที่เราจะคิดเริ่มต้้นใหม่ เพียงแค่เราตั้งใจก็พอ...............

ดินสอ กับ ยางลบ(เรื่องที่คุณคิดไม่ถึง)

                 มีดินสออยู่แท่งหนึ่ง และมียางลบอยู่ก้อนหนึ่ง ฟังดูอาจจะตลกนะครับ สำหรับใครหลายๆคนอาจคิดว่าดินสอกับยางลบเป็นของคู่กัน แต่ลองอ่านดูก่อนนะครับ ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน หน้าที่ของดินสอก็คือเขียน มันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ  หน้าที่ของยางลบก็คือลบ มันจึงลบทุกๆอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา
            เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานหลายปี ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมา จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วน่ะ ยางลบจึงถามว่าทำไมล่ะ ดินสอจึงตอบกลับไปว่า ก็เวลาที่เราเขียนนายก็ลบไปหมดแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย ยางลบจึงเถียงว่า เราทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด ทั้งคู่จึงแยกทางกัน ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน แต่พอเวลาผ่านไปมันเริ่มเขียนผิดข้อความที่สวยๆที่มันเคยเขียนได้ก็สกปรกมีแต่ รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด มันก็คิดถึงยางลบเพื่อนของมัน ส่วนฝ่ายยางลบพอแยกทางกับดินสอมันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ มันคิดถึงดินสอ ทั้งคู่จึง กลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลงเขียนแต่สิ่งที่ดี ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด เท่านั้น
             ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำดินสอ ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดี แต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดีๆเท่านั้น ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบในตอนแรกก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี แต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวมันก็จะสกปรกแต่ตอนหลังมันเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี หรือคือการให้อภัยนั่นเอง ฉะนั้นการเปรียบการเดินทางของทั้งคู่เปรียบเหมือนมิตรภาพ ก็คือ การจำแต่สิ่งที่ดีๆ และลืมในสิ่งที่ไม่ดีและสิ่งที่อาจจะผิดพลาดบ้าง ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบตอนหลังนะ ก็เหมือนกับคอมพิวเตอร์แหละ อันใหนที่ดีเราก็ Save เอาไว้ ส่วนอันใหนที่เราไม่ชอบ ไม่เอา ไม่ดี เราก็ delete ออกทิ้งไง อยากให้ทุกๆคนที่อ่านบทความเรื่องนี้ ได้เข้าใจว่า อันใหนควรจะเก็บไว้ และอันใหนไม่ควรจะเก็บไว้ อยากให้เพื่อนๆทุกคนทำดีให้มากๆๆ ส่วนไอ้เรื่องที่ไม่ดีก็ละทิ้งมันออกไปทีละน้อยๆ เดี๋ยวเราก็จะมีแต่ความดีไงครับ  

เพื่อนแท้...คุณเคยมีหรือเปล่า

เพื่อน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่บังแดด และพึ่งพิงได้

เพื่อน ถึงแม้จะบ้าและกลัว ก็อยู่เคียงข้างเรา
เพื่อน คอยฉุดรั้งเราจากอันตราย
เพื่อน ช่วยควบคุมน้ำหนักและการกิน
เพื่อน มีเรื่องมาคุย มาเล่าให้ฟังเสมอ
เพื่อน ไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็เป็นเพื่อนกันได้

ข - เ ข้ า ใ จ เ ร า


ค - ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า
ง - ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด
จ - จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ
ฉ - เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า
ช - ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า
ซ - ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ
ด - เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า
ต - ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า
ถ - ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข
ท - ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป
ธ - ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า
น - นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า
บ - บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า
ป - ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ
ผ - ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ
ฝ - ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า
พ - เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า
ฟ - ฟั ง เ ร า เ ส ม อ
ภ - ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า
ม - ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า
ย - ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า
ร - รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า
ล - ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า
ว - ไ ว้ ใ จ เ ร า
ศ - ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า
ส - สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า
ห - เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า
อ - อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ
ฮ - เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า ...
แล้วพวกคุณล่ะ....? มีเพื่อนแบบนี้บ้างหรือเปล่า....?


แด่เพื่อนๆทุกคน ที่คิดว่าเพื่อนของคุณคือ "พระเจ้า" .... (:

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไดอารี่วันที่ 15 กรกฏาคม 2553

                 
                   บันทึกเรื่องราวเมื่อวันที่ 15 เดือน กรกฏาคม พุทธศักกราช 2553
                  ว่าไงบ้างครับเพื่อนๆ วันนี้ก็ถือวันเป็นวันที่ดีนะครับ เพราะว่าพรุ่งนี้ ก็วันที่ 16 แล้วแหละนะ เพราะว่ามันเป็นวันที่หวยออก มันคงจะเป็นวันหนึ่งสำหรับคนที่ชอบเสี่ยงดวงนะครับ บอกได้นะว่างวดนี้จะออกอะไร 828 ลองดูนะครับ ถ้าไม่ถูกก็ค่อยว่ากันไหม่งวดหน้านะครับ เอ่อ! ซึ่งในเดือนนี้ก็อยากจะให้เพื่อนๆ ทำบุญหน่อยนะครับเพราะว่า สิ้นเดือนก็วันเข้าพรรษาแล้วแหละนะครับ อยากให้ทำบุญเยอะๆนะ เพราะว่าจะได้บุญ ผมมีอยู่เรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟังนะครับ แบบว่ามันเป็นเรื่องราวระหว่างเพื่อนๆแหละนะ ............... เอ่อ! เป็นยังไงบ้างครับ จบแล้วฮะ แม้! ล้อเล่นน่า คงจะเล่าไม่ได้หรอกนะครับเรื่องนี้มันอาจจะพาดพิง ถึงคนคนหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนของเราเองแหละนะครับ
                    ผมคงจะเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนี้อีกแหละนะครับ เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมมีความรักด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าความรักของผมมันอาจจะเป็นเพียงการที่เราแอบรักเขาข้างเดียวมานานเกือบ 5 ปีกว่าๆนะครับ ผมว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีอะไรที่ผู้หญิงอื่นๆไม่ค่อยจะมีกันนะครับ เพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ขี้อายมากๆๆๆๆๆ เธอเป็นคนที่น่ารัก นิสัยดี แถมยังอัธยาศัยดีมากเลยนะครับ เพราะว่าอย่างนี้แหละ ผมจึงชอบเธอ และเธอก็ไม่รู้หรอกว่าผมชอบเธอ จนกระทั่งที่เราเรียนอยู่ชั้น ม.6 เธอจึงรู้นะว่าผมชอบเธออยู่ ก็เพื่อนของเธอนั่นแหละที่เป็นคนบอกเธอว่าผมชอบเธออยู่ เธอคนนี้ชื่อ อ้อม ครับ ซึ่งในตอนนี้เธอก็เป็นได้แค่คนที่เคยแอบชอบเท่านั้นเองแหละครับ เพราะว่าอะไรไม่อยากบอกหรอกนะ รู้สึกว่ามันจะช้ำใจมากและนะครับ เพราะว่า....... ซึ่งเธอทำให้ผมเจ็บมากเลยนะครับ
                   เธอคนนี้ชื่อแป๋ว คอยช่วยเรื่องความรักของผมจนเธอรู้ว่าผมชอบเธอนะครับ ฝากบอกแป๋วด้วยนะจ๊ะ ว่าผู้ชายคนนี้ขอบคุณเธอมากนะ เพื่อนเลิฟ 

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ไดอารี่ ของอาร์

บันทึกเรื่องราวเมื่อวันที่ 09 07 2553 สวัสดีนะครับเพื่อนๆที่เข้ามาเยี่ยมชมนะครับ วันนี้เราเองก็ว่าจะมาเล่าเรื่องราวเรื่องหนึ่งให้ฟังนะครับ แบบว่ามันอาจจะเป็นเรื่องความรักของผมนะ ซึ่งเรื่องราวเรื่องนี้ของผม มันอาจจะจบลงมาตั้งนานแล้วนะครับ ตั้งแต่ที่เธอนั้นแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น บอกได้เลยนะครับ ว่าเวลาที่เราเห็นคนที่เรารักต้องแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น อยากบอกนะว่ามันเจ็บมากๆ เจ็บจนกระทั่งเหมือนว่าเราไม่มีใครเหลืออีกแล้ว ..ซึ่งในความรักครั้งนี้ของผม คุณหรือหรือไม่ว่าผมชอบเธอมานานกี่ปี ? ...... สำหรับความรักครั้งนี้ของผม ผมชอบเธอมาตั้งแต่ที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จนกระทั่งเรียนจนถึง ม.6 เธอจึงเริ่มมารู้ว่าผมชอบเธอ ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นยังไง แต่สำหรับความรัก ครั้งนี้มันคือค่าครั้งหนึ่งในชีวิตของผมนะอ้อม เพื่อนๆของผมบางคนเขามักจะยุยง ให้ผมชอบเธอ แต่ผมก็ไม่พูดอะไรมากหรอกนะ เพราะว่ายังไงผมก็ชอบเธออยู่แล้วแหละนะ ในความรักครั้งนี้มันอาจจะเป็นบทเรียนครั้งหนึ่งในชีวิตของการมีความรักของผมนะ ผม....ยอมรับได้เลยนะว่าเธอคนนี้เป้นผู้หญิงคนแรกที่ผมได้รักเธอ และผมเองก็รู้อีกอย่างหนึ่งนะ ว่าผมก็เป็นความรักครั้งแรกของเธอเหมือนกันแหละนะ ตอนที่มีความรักครั้งนี้ของผม มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่าตั้งฉายาความรักให้กับคู่ของเรานะ ซึ่งฉายานี้มันเป็นไปทางเกาหลีมากเลยแหละครับ ซึ่งฉายานั้นก็คือ "เจ้าหญิงขี้อาย กับ เจ้าชายเย็นรชา" เธอเองก็เป็นคนที่ขี้อาย แบบว่าเข้าขั้นมากๆๆๆๆ เลยแหละนะ สำหรับผมถือว่าเป็นคนที่เย็นชา เชื่องช้า เซ่อซ่าส์ แบบว่าทำอะไรไม่ค่อยจะทันเพื่อนหรอกนะฮะ อยากบอกอีกอย่างหนึ่งว่า ......... ถึงแม้ว่าเธออาจจะแต่งงานหรือว่ามีครอบครัวแล้ว ผมก็บอกเธอได้เลยนะว่า ผมยังชอบเธออยู่เสมอนะอ้อม .... ทั้งๆที่เพื่อนๆก็บอกให้ผมตัดใจจากเธอ แต่ยอมรับนะครับว่า ความรักครั้งแรกมันตัดใจจากเขายากจริงๆ ทั้งๆที่เราเองก็พยายามมานานแล้วนะครับ...... รักอ้อมเสมอนะครับ นางสาว อารีย์ ศรีมันตะ ชื่อเล่น อ้อม นาย พิชิต สุดศิริ ชื่อเล่น อาร์ จบแล้วเน้อ....DJ.อาร์ครับ ยังรักเธอเสมอนะอ้อม สุดที่รัก........ของ อาร์...

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

ไดอารี่วันที่ 13 เมษายน 2553

 
สวัสดีนะครับ เพื่อนๆอันเป็นที่รักยิ่งของเรานะครับ    วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันที่ดีวันหนึ่งนะครับ เพราะว่า วันนี้เป็นวัน ปีใหม่ไทย วันสงกรานต์ไงครับ ผมเองก็อยากจะเห็นหน้าเธอ สักครั้ง เพื่อที่เรานั้นจะได้ถามว่าเธอนั้นมีความสุขอยู่หรือเปล่า แค่เพียงเรารู้ว่าเธอมีความสุข ผมเองก็คงไม่ต้องห่วงเธอมากหรอกนะ แค่เรารู้ว่าคนที่เรารักมีความสุข เท่านั้นมันก็เหมือนว่ามันทำให้ผม โล่งใจอย่างหนึ่งนะ    ผมจะมาเล่าเรื่องราวเก่าๆที่มันเคยเกิดขึ้นมาในชีวิตในช่วงวัยเรียนของผมนะครับ    ผมเองก็รู้อีกอย่างหนึ่งว่า เธออยู่บ้านตลอดแหละนะ วันไหน ที่เราเข้าไปที่บ้านเธอ ผมเองก็พยายามที่จะมองเข้าไปที่ซอยบ้านเธอแหละนะ ผมเองก็ไม่กล้าเข้าไปหาเธอหรอก (ผมอายนะ) ในตอนนี้ผมเองก็อยากจะให้เธอรู้ไว้ว่า ผมเองก็ยังรักเธอ ทุกๆวัน และรักเธอเสมอ มันก็คงจะเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วซินะ เพราะว่าเธอไม่ได้สร้างมาเพื่อเป็นของผม แต่ว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นของเขา (คนนั้น) สำหรับเรื่องราวทุกๆอย่างที่มันเคยเกิดขึ้นมา ผมเองก็หวังว่าจะเก็บมันไว้เป็นบท เรียนที่สำคัญที่สุด สำหรับผม เพราะว่ามันเป็นบทเรียนที่ ได้มายากมากและเป็นบทเรียนที่มันทำให้ผมร้องให้ และเสียใจมาแล้วนะครับ  ซึ่งสิ่งนี้มันก็เป็นบทเรียนความรักที่มี และเกิดขึ้นครั้งแรก ในชีวิตความรักของผมนะครับ   ผมเองก็ไม่เคยมีความรักหรอกนะ พอผมได้เจอหน้าเธอ ผมเองก็ว่าเธอน่ารักมากๆนะ เธอเป็นคนที่นิสัยดีนะครับ อ้อม ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากจะเอาใจใส่เธอ และอยากจะกล้าให้มากกว่านี้    

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันเวลาแห่งความเหงาที่เราอยูคนเดียว

   วันเวลาแห่งความเหงา  มีใครจะรู้ใจของเราบ้างหรือเปล่าละ  ได้แค่เพียงคิดว่าเรานั้นจะเป็นเพียงคนดีของเราคนนี้ แต่ว่ามันอาจจะมีอยู่เรื่องหนึ่งที่เรานั้นอยากจะบอกใครสักคนหนึ่ง มีเพียงแค่เพื่อนเท่านั้นหรือเปล่า ที่มันอาจจะเป็นเรื่องราวแบบนี้  มีเพื่อนๆของผมนะที่เขาชอบที่จะบอกว่าผมนั้นอาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นๆหรอกนะครับ บางทีผมเองก็ดูเหมือนคนติงต๊อง หรือว่าบางทีผมเองก็ดูเหมือนว่าผมเป็นคนบ้านะครับ เวลาที่เรานั้นแอบรักใครสักคนหนึ่ง คุณจะเป็นเหมือนผมบ้างหรือเปล่าละ  สำหรับผมเวลาที่ผมรักใครสักคนหนึ่งผมเองก็ชอบที่จะรักเขาข้างเดียวเท่านั้นแหละนะครับ เวลาที่เราเห็นเขามีความสุข เราเองก็ว่ามันน่าจะมีความสุขเหมือนกับผมนะครับ เพียงแค่เราเห็นหน้าเขา เรามีความสุข เพียงแค่เราได้พูดครุยกับเขา เราเองก็ว่าเราน่าจะมีความสุขนะครับ อ้อมจ๋าเราเองก็อยากจะให้เธอนั้นรู้นะว่าเราเองก็ยังรักเธออยู่นะครับ วันเวลาที่เรานั้นคิดถึงเธอเราเองก็ว่า ผมอยากจะมีครอบครัวกับเธอแต่ว่ามันเป็นไม่ได้หรอกนะครับ เพราะว่าเธอเองก็มีครอบครัวของเธอแล้วนะครับ วันนั้นเราเห็นหน้าเธอเราเองก็ว่าเราน่าจะมาเป็นเรื่องราวครั้งหนึ่ง ที่เรานั้นได้เก็บเอามันไว้เพื่อที่เราจะได้มีความสุขสักครั้งหนึ่ง แต่ว่าความสุขครั้งนี้สำหรับผม มันก็มีได้แค่เพียงครั้งหนึ่ง และแล้วมันก็เจ็บยาว.....ว จนมาถึงปัจจุบันนี้แหละนะครับ  ครั้งหนึ่งที่เราเคยที่จะมีความรัก  แต่บางทีครั้งหนึ่งเราเองก็ไม่อยากมีหรอกครับความรัก เนี่ย ผมเองก็ว่ามันวุ่นวายมากมายนะครับ สำหรับเรื่องหนึ่งที่เรานั้นได้เกิดขึ้นมาสักครั้งหนึ่งเรา เองก็ว่ามันคือความสุขครั้งหนึ่งที่เราต้องการที่อยากจะมีความสุข และความรักครั้งนี้นะครับ มันคือความสุขครั้งหนึ่งในชีวิตของเรานะ กับการที่เราได้รักผู้หญิงคนหนึ่งแค่ 5 ปีเอง 

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ลักษณะเนื้อคู่ ของพิชิต 10 ประการ

              ชะตาคุณพิชิต คำนวณได้เศษ ๑ ทำนายว่าเนื้อคู่ของคุณมีลักษณะ ๑๐ ข้อต่อไปนี้ แล้วคนที่คุณพิชิตคบอยู่ตอนนี้มีคุณสมบัติตามนี้รึเปล่า?


 ๑. คู่แท้ของคุณมีอุปนิสัยเหมือนเด็กๆ คือทั้งดื้อทั้งขี้น้อยใจ ชอบให้ใครๆ ตามใจตัวเองเสมอๆ
๒. มีความน่าเอ็นดูไม่น้อย ขี้อ้อน นำรอยยิ้มมาให้คนรอบข้างได้ตลอดเวลา
๓. ยามโกรธโมโหร้าย แต่ไม่นานก็หาย ไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร จิตใจดี
๔. ไม่เจ้าชู้ ค่อนข้างเลือกคบคน ถ้าพบคนถูกใจแล้วก็ยากที่จะแอบให้เบอร์โทรศัพท์ใครอื่นแน่นอน
๕. ใจเย็นพอสมควร มักจะคิดตรองให้รอบคอบก่อนจะทำอะไรเสมอ บางครั้งคิดมากจนดูเหมือนคนตัดสินใจช้าหรือเฉยชาเกินไป
๖. เชื่อมั่นในตัวเองสูง อยากให้ใครๆ เชื่อและเห็นด้วยตามความคิดของตัวเอง แต่ตัวเองไม่ค่อยรับฟังความคิดของคนอื่นบ้าง
๗. เป็นคนที่มีหลักการในชีวิตพอสมควร ค่อนข้างละเอียดอ่อนมักจู้จี้จุกจิกเอากับคนรอบข้าง แต่ก็ด้วยเพราะหวังดีจริงๆ
๘. ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง ไม่ชอบเรื่องโลดโผนที่เสี่ยงๆ มักชอบความเป็นระบบระเบียบเป็นขั้นเป็นตอน
๙. มีมนุษยสัมพันธ์ไม่ดีนัก ขาดความเป็นกันเองกับคนรอบข้าง
๑๐. อุปนิสัยในคอจัดว่าดี ดวงชะตาจะก้าวหน้า มีอาชีพมั่นคงดีฐานะมั่งมี

ก็ถือว่า ตรงอยู่บางข้อนะครับ คำทำนายจาก อ.สุขีร์